วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562





[ m i n d s e t ]



แอดมินมีเรื่องจริงจะเล่าให้ฟังครับ ขอให้แฟนเพจโปรดอ่านจนจบ และคัดเอาประเด็นสำคัญที่ท่านเห็นว่ามันจำเป็นต้องใช้ในสนามเทรด มันเกี่ยวกับความเข้มแข็งของจิตใจ และความกล้าที่จะเปลี่ยงแปลงไปทำในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย โดยที่เรายังไม่รู้ผลลัพธ์ของมันเลยว่า ทำในสิ่งที่ต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้วจะออกมาดีหรือเปล่า แอดมินตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกมากนัก ทางเดียวที่จะพบความเปลี่ยนแปลงคือ เราต้องเปลี่ยนแปลง เพราะการหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง จากการกระทำแบบเดิมซ้ำๆ เค้าเรียกว่า ‘วิกลจริต’ ภาพที่ท่านเห็นอยู่นี้คือ ผลลัพธ์จากการรวบรวมความกล้า และ เชื่อมั่นในตัวเองว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้
-
นี่คือผลกำไรในปี 2018-2019 (รวมระยะประมาณ 1 ปี) ที่หุ้นเหล่านั้นถูกซื้อและขายออกมาเพื่อทำกำไร แอดมินขอยังไม่พูดถึงความย่ำแย่ในปี 2016 และ 2017 (ยังไม่นับปี 2015 ที่เข้าตลาดมาใหม่ๆเป็น Novice หน้าใสที่มีเป้าหมาย ทำเงิน100 ล้านจากตลาดหุ้นหรือมากกว่านั้น) ต้นปี 2018 เป็นปีที่เกิดความย่ำแย่ต่อชีวิตการเทรดของแอดมินมาก ยิ่งใส่เงินเข้าไปในตลาดมากเท่าไหร่ยิ่งจม และจม การเทรดใช้กระบวนการเดิมๆ จังหวะเข้าซื้อแบบเดิมๆ และยังไร้วินัยเพียงเพราะเป็นคนมีเงินเยอะ จะใส่เงินใน Port กี่บาทก็ได้ ‘ไม่เสียดาย’ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป แอดมินใส่เงินในหุ้นเน่า เข้าถัวขาลง เมื่อราคาหุ้นดิ่ง เพียงไม่นานเงินเยอะๆที่มีก็ได้ใส่เข้าไปในตลาด จนหมดแบบไม่รู้ตัว เงินทั้งหมดถูกแปลงเป็นตัวหุ้น 3-4 ตัวที่ทำกำไรไม่ได้เลยซักตัวเดียว แอดมินกับความโอหังที่เป็นคนมีเงินมากไม่รู้จักเสียดาย กลายเป็นหมาหงอยหางตกที่ปกคลุมไปด้วยความกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจ 
-
อาการเจ็บปวดเริ่มแสดงออกมาให้เห็น มันเกิดขึ้นที่ใจของแอดมิน ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ความผิดพลาดครั้งนี้ส่งผลกับชีวิตประจำวันของแอดมินที่ควรต้องอยู่ในฐานะบริหารจัดการหลายๆอย่างเนื่องจากแอดมินเป็นนักธุรกิจ ที่กำลังปั้นบริษัทให้เติบโต เมื่อไฟไหม้ Port จิตใจว้าวุ่น เกิดความกระวนกระวาย วิตกกังวลและสับสน ทำให้ประเด็นขาดทุนในตลาดหุ้นส่งผลเสียเป็นวงกว้าง รวบไปถึงครอบครัว 
-
การทนเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้ แอดมินอธิบายออกมาเป็นคำพูดมันไม่ถึงใจ แต่แอดมินจำความรู้สึกนั้นได้ดี และแม่นยำที่สุด เงิน 4 ล้านกว่าที่เป็น Budget เริ่มต้นของการเรียน Class นี้ถือเป็นการเรียนครั้งสำคัญและมีค่าหน่วยกิตที่แพงมาก ไม่มีคนตัดเกรด ไม่มีสอบเก็บคะแนน มีแค่ผ่าน กับ ไม่ผ่าน ซึ่งต้องเดิมพันด้วยเงินจำนวน 4.4 ล้านบาท นี้หากสอบไม่ผ่านเงินต้องหมด แอดมินคงต้องหมดตัว แต่หากสอบผ่านแอดมินจะได้อยู่ต่อในตลาด รู้ไหมครับจากคนมีเงินจำนวนมาก (4.4 ล้านถือว่ามากสำหรับมือใหม่อย่างแอดมิน) ที่หอบเงินเข้ามาในตลาด เพื่อพิสูจน์ว่าตลาดหุ้นสามารถทำกำไรให้เราได้จริง มาวันนี้มันไม่ง่าย ขีดเส้นใต้ คำว่า #มันไม่ง่าย 
-
ยังจำวันแรกของ Class สัมมนาหุ้นที่ กทม.ได้ดี (ครั้งแรกของแอดมิน และเป็นครั้งที่ประทับใจที่สุด เมื่อปี 2016) วันนั้นอาจารย์ชี้นิ้วมาที่แอดมิน ซึ่งใส่เสื้อยีนส์นั่งหนาวปากสั่นอยู่แถวหลังๆเพราะแอร์มันเย็นมาก อาจารย์ถามแอดมินว่า ทำไมจึงเข้ามาในตลาดหุ้น ต้องการอะไรจากตลาดหุ้น แอดมินตอบว่า แอดมินเพียงต้องการจะพิสูจน์ว่า หากเรามี Mindset ที่ถูกต้องแล้ว สิ่งนั้นจะสามารถทำกำไรให้เราได้จริง หลังจากวันสัมมนาแอดมินกลับบ้านด้วยความหวังเต็มเปี่ยม มีกำลังใจ และใช้เทคนิคการเข้าซื้อและขายอย่างที่ได้เรียนมา แต่ในสนามจริง “ทฤษฎีมันใช้ไม่ได้” หากจิตใจเราไม่เข้มแข็งพอ สรุปก็คือ ทฤษฎีของการเป็นนักเก็งกำไร ช่วยได้จริงแต่สมองของเราที่ออกสั่งการภายใต้อารมณ์มันต้องได้รับการควบคุมจากเราอีกที ซึ่งมันยากตรงนี้นี่เอง 
-
รวมเวลา 3 ปีกว่าๆ ที่ลองผิดลองถูก ว่าเส้นทางของนักเก็งกำไรในตลาดหุ้น (แอดมินตั้งใจจะเป็นนักเก็งกำไร ไม่ต้องการเป็น VI) เค้าทำกำไรกันอย่างไร เรียกว่า เทรดมาเกือบๆ 200 เคส ไม่ได้กำไรเลย แถมขาดทุนไปแล้ว 600,000 บาท (Realized) และมี Unrealized อีก 400,000 บาท รวมเป็นขาดทุน 1ล้านบาท เงินทุน 4.4 ล้านโดนลบออก 1 ล้าน เหลือ 3.4 ล้าน สะเทือนใจแอดมิน มันจุกและอธิบายไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมเราปล่อยให้เงินหายไปขนาดนี้ ในหัววุ่นวายไปหมด และคิดจะยอมแพ้บ่อยครั้ง เพราะแอดมินไม่ไหวแล้วกับเหตุการณ์ที่บีบใจ เราอ่อนแอเกินไปในตลาด เราสู้เค้าไม่ได้ แต่รู้ไหมครับ ทำไมวันนี้แอดมินไม่ยอมเลิกรา ท่านคงเคยขับรถยางรั่ว หรือยางแตก ใช่ไหมครับ จะเป็นมอเตอร์ไซด์ หรือ รถยนต์ก็เถอะ ท่านทิ้งไหม ทิ้งรถแล้วเดินหนีไหม อารมณ์คือ มันทิ้งไม่ได้ รถคือสิ่งที่จะพาเราไปไหนก็ได้ด้วยความสะดวกสบาย เราต้องใช้ สุดท้ายเราต้องเอาไปปะยางหรือเปลี่ยนยาง แอดมินเสียดายความตั้งใจของตัวเอง อยากเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น แอดมินกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ ตลอดเวลามารู้ว่า มีเงินเยอะ แต่สมองไม่ได้คิด เงินที่มีหายวับไปในตลาดได้ อันนี้คือความจริง
-
กลางปี 2018 เป็นการเปลี่ยนแปลงเทคนิคการเทรดของตัวเอง เกือบทั้งหมด จากการที่แอดมินลงทุนในความรู้ให้กับตัวเอง ทุ่มเทเวลาอ่าน ใช้เวลานอนให้น้อยลง อ่านหนังสือทั้งที่เป็นหนังสือแปล และหนังสือต้นฉับบที่นักเทรดระดับโลกเขียนไว้ นั่งสมาธิ (อาจจะเป็นสิ่งนี้ที่ทำให้แอดมินพบกับกำไรในตลาด) อ่านซ้ำ จดบันทึก ลงสนาม แก้ไข ปรับจูน ลงสนาม แก้ไข ปรับจูน ลงสนาม บันทึก ลงสนาม แก้ไข ลงสนาม ทำวนอยู่แบบนี้เป็นปี ทั้งในตลาดตอนขาลง และในตลาดตอนเค้าเป็นขาขึ้น จนในที่สุดพบว่า ผลกำไรที่ได้มา ไม่ได้เกิดจากการ ซื้อๆ ขายๆ หน้ามืดตามัว เทรดไปเรื่อย แต่มาพบว่า ผลกำไร เกิดจากการเทรดน้อยครั้งในตลาดขาขึ้น (ขาลงไม่เล่น และไม่ Shortหุ้น) และเกิดจากการเข้าซื้อที่แม่นยำ (แอดมินจะไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องจุดขายมากนักหากหุ้นทำกำไรให้เราแล้ว รู้แต่เพียงว่าต้องขายแล้วได้กำไร และถ้าผิดทางต้องไวต่อการเคลื่อนไหวของตลาดและราคาหุ้น) ได้คัดเอาองค์ประกอบสำคัญในการคัดเลือกหุ้นของตัวเอง ที่มีองค์ประกอบจำเป็นต่อการที่หุ้นตัวหนึ่งจะสร้างผลกำไรต้องมีอะไรในตัวหุ้นนั้นบ้าง รวมเอาประเด็นสำคัญในหนังสือหลายเล่มที่อ่านมาหลายรอบ ตกผลึกออกมาเป็นท่าเทรดที่เรียกว่า ได้ผลที่สุดในแบบของตัวเอง ทำกำไรให้แอดมินได้จริง(ไม่ใช่โชคดีหรือฟลุ๊ค) และที่สำคัญ ผลกำไรมาหาศาลให้กับแอดมิน เกิดจากการการ Merge Price pattern ของราคาหุ้น (และองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ) เข้ากับจังหวะหยุดตกของ SET 
-
มาวันนี้ แอดมินสามารถล้างขาดทุน ทั้งหมดได้และมีกำไร +เพิ่มจาก 4.4 ล้าน มาอีก 1 ล้านบาท รวมเป็น 5.4 ล้าน (หุ้นบางตัวยัง Let Profit Run ได้) มีพอร์ตที่โตขึ้นได้จากการเปลี่ยน Mindset ที่เทรดด้วยความแม่นยำในการเข้าซื้อ (ขายเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าหุ้นทำกำไรแล้ว เพราะแอดมินไม่ปล่อยให้กำไรหลุดมาจนขาดทุน) หนังสือหลายเล่มที่อ่านต้องให้เครดิต และที่สำคัญ แอดมินชื่นชมตัวเอง ที่ผ่านเรื่องแย่ในอดีตมาได้ด้วยตัวเองล้วนๆ ตลาดหุ้นวันนี้กลายเป็นสนามทำเงินที่ทรงเสน่ที่สุด ดึงดูดแอดมินให้หลงใหลในเกมจิตวิทยาผ่านกราฟราคา ถามว่าวันนี้การทำกำไรในตลาดยากไหมสำหรับแอดมิน ตอบว่ายากครับ แต่ไม่กลัวตลาดอย่างเช่นที่เคยเป็นอีกแล้ว 
-
อยากให้ท่านที่อ่านมาถึงท่อนสุดท้ายนี้ ทบทวนการเทรดของตัวเอง ดูในแต่ละเคสว่าเราผิดพลาดอะไรทำไมจึงขาดทุน และเราทำอย่างไร ทำไมจึงได้กำไร คัดเอาทุกประเด็นสำคัญเหล่านั้นที่ท่านได้จากการทบทวนหุ้นทุกตัวที่เข้าเทรด (เช่นเดียวกับแอดมิน) เราจะเห็นความฉิบหายที่เกิดขึ้นก่อนนี้และเห็นท่าไม้ตายที่แอบซ่อนอยู่ในผลกำไรนั้น สิ่งล้ำค่าที่เราผ่านมาแล้ว เราได้กลับไปนำมันมาใช้ในการเทรดครั้งต่อไปนับจากนี้ ให้เกิดมีผลกำไร 
-
ถ้าข้าพเจ้ามีเวลา 6 ชั่วโมง ในการ “ตัดต้นไม้” ข้าพเจ้าจะใช้ 4 ชั่วโมงแรก ในการ “ลับขวาน” ให้คม (abraham lincoln) 
-
ซื้อเร็วเกินไป >>> เราจะขาดทุน 
ซื้อช้าเกินไป >>> เราจะขาดทุน
ถ้าเราเฉียบคมในการเข้าซื้อ >>> กำไรมีแน่นอน

- แอดมินขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้นักเก็งกำไรในตลาดหุ้นทุกคน -



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

[ b i g 7 s h o t s i n 3 y e a r s ] http://lnnk.in/iWX ตั้งแต่ปี  2016  เรามีโอกาสทำเงินได้กี่ครั้ง สำหรับแอดมินมองว่ามี...