วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

My Loss #2 : Case Study for GLAND

GLAND
- Market : SET
- Industry : Property & Construction
- Sector : Property Development


i) 1st See : หุ้น GLAND เป็นหุ้นใน sector PROP. เค้าแสดงตัวเองออกมาเด่นติด Top gainer ในวันที่ 19.Nov.18 ปิดตลาดด้วยแท่งเขียวยาวทำ High ที่ 3.64 และย่อลงมาในวันปิดอยู่ที่ 3.52 ตอนนั้นเห็นแล้วว่าหุ้นตัวนี้ต้องทำการบ้านเพิ่มแน่ๆ แท่งเขียวสูงเด่นเป็นสง่าขนาดนั้น ต้องตามไปดู จากนั้นตอนเย็น Page meeGUMRAI ได้ทำ watch list หุ้นตัวนี้เอาไว้
https://www.facebook.com/meeGUMRAID/photos/a.492672027898160/518119035353459/?type=3&theater
เพราะยังไงๆ ตัวนี้ต้องมีการได้ลงเงินไปที่หุ้นตัวนี้แน่ๆ 

ii) Financial Statement : จากนั้น ก็ทำการค้นหาความแข็งแกร่งที่พอจะยืนยันได้ว่าหุ้นตัวนี้แกร่งจริงหรือไม่ โดยการเช็คกำไร ดู ปรากฎว่าก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย GLAND เค้าทำกำไร Q3/18 = +117.46% (สูงจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว) เลยบอกเลยว่ากำไรดีมาก คราวนี้ยืนยันความแข็งแกร่งแล้ว ว่าหุ้นตัวนี้มีดีแน่ๆ มั่นใจ และเอาแน่ สัญญาณราคามา ความแข็งแกร่งดี บอกว่ามีมือใหญ่เข้ามาจุดพลุแล้ว
iii) Chart pattern : ในวันที่เบรคนั้น (19.Nov.18) เค้าเบรคจาก ฐานราคา Flat base เป็นการเบรคในฝันของเราเลย เราชอบท่านี้ที่สุด ย้ำความมั่นใจเข้าไปอีก ราคาเค้าเริ่มเบรคให้เห็นชัดเจนในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้เอง ที่น่าเสียดายคือตัวเองไม่ได้เฝ้าจอเลยช่วงนี้ ทำให้ไปเห็นราคาอีกที่ตอน 16:00 ซึ่งบอกเลยว่าจังหวะแบบนี้ น่าจะช้าไปแล้วแต่ก็นะ เก็บเข้า List ทำการบ้านหุ้นตัวนี้ เจาะลึกลงไปอีกเพื่อยย้ำความมั่นใจ Price Pattern นี้นี่คือท่าไม้ตายของเราเลย ยังไงก็ต้องหวด ไม่ว่าตลาดจะออกมาหน้าไหนก็เถอะ จำกัดความเสี่ยงเอาได้

iv) Take action : หลังจากที่ค้นลึกเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้แล้ว ในเย็นวันที่ 19.Nov.18 มติออกมาว่าต้องซื้อแล้วในวันรุ่งขึ้น แม้จะดูช้าไปแต่ต้อง Take risk เพราะตามตำราที่เรียนมา price pattern นี้ หุ้นวิ่งแรงได้อย่างแน่นอน แม้จะย่อ เราก็จำกัดความเสี่ยงไว้ที่ให้ย่อได้ไม่เกิน 3% โดยดูจากตลาดโดยรวม SET แนวโน้มลง ก็ต้องจำกัดการตัดขาดทุนไว้ที่แคบๆหน่อย และวันรุ่งขึ้น จำได้ว่า Pre Open หุ้นใหญ่เปิดต่ำ ตลาดแดง แต่ นี่คือจังหวะที่ต้องตัดสินใจ เราคิดว่าตลาดเปิดต่ำ แต่ในเมื่อหุ้นแกร่ง มันต้องไปต่อได้ หรืออย่างน้อยควรไม่ต่ำกว่าราคา Pre closed ของเมื่อวาน ( นี่คือการเดาตลาดซึ่งไม่ดีเลยรู้ทั้งรู้ว่าวันที่ 20 ตลาดเปิดแดงแน่ๆ แต่ก็ดื้อซื้ออีก) และแล้วก็เคาะ ATO ตลาดปิดเมื่อวันที่ 19.Nov.18 ด้วยราคา 3.52 เราซื้อ ATO วันที่ 20.Nov.18 ในราคา 3.54 เปิดเขียวอีกด้วย แบบนี้OK เลย แต่มีอย่างหนึ่งที่กังวลนิดๆคือ Chart ของ Sector  Property Development ไม่สวยเลย ไม่มีหุ้นตัวไหนแข็งแกร่งเลย พรรคพวกดูอ่อนแอไปหมด

v) Wait and See : จำได้ว่าหลังตลาดเปิดได้1นาที GLAND ขยับขึ้นไปที่ 3.56 เพียงเสี้ยววินาที 1 ครั้งให้ได้เห็นพอชื่นใจ จากนั้นก็ไปไม่ถึง 3.56 อีกเลยทั้งวัน นี่มันอะไรก้านนนนน ทำไม? คำถามที่กำลังต้องการคำตอบ แล้วใครจะตอบได้ ตั้งสติแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาทำตามแผนที่วางไว้

vi) Stop lost : เราสัญญากับตัวเองว่าจะ Stop lost ที่ -3% จากราคาทุน วันนั้นทั้งวันดู GLAND ค่อยๆขยับลงอย่างช้าๆ จาก -3% เราก็ยังใจเย็นให้โอกาส GLAND จนถึงบ่าย 4 โมงของวันที่ 20.Nov.18 ( ความจริงเราอยากรอจนสิ้นวัน แต่ทำไม่ได้เพราะตลาด SET ลงแรงเหลือเกินในวันนี้) เค้าลงไปต่ำสุดที่ราคา 3.22 ( -9.93% จากราคาทุน) ซึ่งก็เป็นราคาที่เกินกว่า Stop lost ที่เราตั้งไว้มากแล้ว จากที่ตั้งใจจะตัดขาดทุนที่ -3% ก็ยอมให้โอกาสเค้าจนถึง -8% และ -9.93% ตามลำดับ พอเค้าเด้งมาที่ 3.26 เราก็ขายออกหมดในไม้เดียวเลย ขาดทุนตามระเบียบ -8% 

vii) Sold : ขายด้วยราคา 3.26 ขาดทุนไป -8% ในวันเดียว ซื้อเช้าขายเย็น เป็นเดย์เทรดเลย นี่คือความผิดพลาดที่เราต้องรับผิดชอบต่อตลาด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแสดงว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างพลาดไป คำถามเกิดกับตัวเองว่า เราผิดพลาดอะไรไปล่ะทีนี้?

viii)  Rebound :
วันรุ่งขึ้น (21.Nov.18) ราคาขึ้นไปยืนได้ที่สุดสูงสุดของเมื่อวานได้หน้าตาเฉย นี่คือการเด้งกระแทกหน้าที่สัมผัสรสชาติของความเสียดายได้เต็มๆ ได้แต่นั่งคิดย้อนไป (ซึ่งไม่ควรทำ) ว่าหากอดทนอีกหน่อยเราก็จะไม่เสีย 8% ของเงินทุน แต่ด้วยเราถูกสอนมาว่าให้ตัดขาดทุนอย่างรวดเร็วเมื่อราคาวิ่งสวนทางและแตะ Stop loss ที่เราตั้งไว้ เราพูดได้ตอนนี้ว่าควรอดทนถืออีกนิดเพราะเรารู้แล้วไงว่าตลาดเฉลยว่าเค้า Rebound แต่หน้างานจริงที่กระดานเราเจอสถานการ์กดดันให้ต้องคายออก เพราะถ้ามองในอีกด้านหนึ่งที่ความน่าจะเป็นว่าราคามันลงลึกกว่านี้ ในวันนี้เราก็จะไม่ได้เสียดาย ให้ทำความเข้าใจว่านี่คือการทำตามแผน ตลาด Shake out เราก็หลุด ก็เท่านั้น

ix)
หนักกว่านั้นอีกวันที่ 22.Nov.18  ราคา ATO เปิดโดด Open gap ที่ 3.66 บาท โอ้โหหหหห คุณพระ คุณเจ้า ได้แต่แหงนหน้ามองราคาวิ่งไปต่อ ซึ่งวันนี้นี่เอง หากเราตัด Bias ทิ้งไปเราสามารถเข้า Action อีกรอบนึงได้ตอน ATO วันนี้นี่เอง ราคาวิ่งไปถึง 4.02 บาท และสุดท้ายโรยตัวลงมาตาม SET ที่ปิด -12 จุดในวันลอยกระทง 2018 วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันของคนมีของที่ต้องขายออกในตอนที่หุ้นวิ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ไม่อย่างงั้นแล้ว กำไรจะหายไปเยอะมาก เพราะหุ้นย่อแรงมากจาก 4.02 ลงมาปิดในวันที่ 3.46 หากเราขายที่ราคากำลังวิ่งขึ้น เราจะขายง่าย แต่มีแนวโน้มขายหมู สนไม๊ล่ะ ใครสน ขายหมู ไม่ขายหมู สนแค่ว่าได้เงินเป็นชิ้นเป็นอันมาทบต้นกับเงินส่วนเดิมที่เหลืออยู่ก็ดีแล้ว เงินทบต้นสำสัญ ที่สุด

x)
เราผิดพลาดตรงไหน เราทำผิดอะไรบ้าง 

1) Bias ตลาดรวมเตือนให้ทำอย่างแต่กลับลงมือทำอีกอย่าง
เริ่มต้นเลยคือเรารู้แล้วว่าตลาดรวมจะแดงตอนเปิด ตลาดเองก็เตือนแล้ว ก็ไม่ฟังไง การที่หุ้นใหญ่ Open แดงนั้นมันจะฉุดตลาดลงได้ ส่งผลให้หุ้นเล็กก็โดนดึงลงไปด้วยได้

 2) เราฝืนซื้อหุ้นในขณะที่แนวโน้ม SET เป็นขาลง เล่นหุ้นในช่วงที่หาข่าวดีๆของตลาดหุ้นไม่ได้เลย การเล่นสวนแนวโน้ว Willaim O’neil บอกว่าจะต้องพบผลลัพธ์ที่แย่ จำไว้ว่าต้องซื้อหุ้นตามตลาดรวมที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ตอนตลาดแจกเงินง่ายๆค่อยเล่น มาเล่นตอนตลาดแย่แม้ได้วันนี้ พรุ่งนี้ก็เสียคืนตลาดอีก เล่นหุ้นให้มัน ฉลาดๆ หน่อยเถอะ 

 3) ในวันที่ตลาด Rebound (21.Nov.18 หลังจากที่ขาดทุนไปแล้ว 8%) เราไม่กล้าเล่น เพราะมีความกลัว จึงได้แต่เพียงนั่งดูคนอื่นออกศึกกัน Bias อีกแล้ว ตลาดมีข้อเท็จจริงอยู่บนหน้าจอ แต่ไม่ขอเล่นตามเพราะขาดทุนมาแล้วไง จบข่าวเลย 

 4) การตัดขาดทุนที่ไม่ได้ทำตามแผนขั้นที่ 1 คือ เราวางแผนไว้ที่ Stop loss -3% (เพราะตลาดรวมไม่ดี หาดตลาดดีจะตัดขาดทุนท่ -8%) แต่ก็ไม่ทำ สับสนตัวเอง และ เดาตลาดว่ามันไม่น่าลงไปมากกว่านี้แล้ว แต่สุดท้ายมันลงไปถึง -8% ก็แทนที่จะขาดทุนน้อย ก็กลายเป็นขาดทุนมากก่าเดิม หากตัดขาดทุนตามแผนที่ 3% ก็จบไปแล้ว หอบเงินส่วนใหญ่ที่เหลือรอสู้ใหม่รอบหน้า 

 5) โลภนำ ด้วยเหตุและผลโดยรวมของตลาดในวันที่เข้าซื้อใช่ หุ้นมันน่าซื้อ แต่เราดันซื้อในจังหวะที่มันไม่ใช่จังหวะต้องซื้อ ซื้อเร็วเกินไป เราจะขาดทุน และ ซื้อช้าเกินไป เราจะขาดทุน ในกรณีนี้เราซื้อช้าไป ความจริงต้องซื้อหุ้น GLAND ในวันที่ 19.Nov.18 เท่านั้นคือจังหวะแรก เราจะได้ต้นทุนต่ำ เราเองทำผิด Concept ของแผน คือเข้าซื้อดุจเป็น Daytrade และ ทพกำไรด้วย Trend Following ตรงนี้เราละเลย เพราะหากซื้อหลังจากนั้นคุณจะเจอเหตุการณ์เขย่า โยก กดให้จม และไล่ให้สูง ทำให้สติคุณไม่ดีชั่วคราวได้เลยนะ GLAND มีให้ครบเกือบทุกรสชาติตลอด 4-5 วันนี้ หากได้ทุนตอนวันที่ 19.Nov.18 ที่ตอนเบรคกรอบ Pivot Buy Point @ 3.12 คุณก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องราคาดีดขึ้นลงแบบนี้ให้ปวดหัว

 6)
ใส่เงินในหุ้น GLAND มากเกินไป ความจริงแล้วตลาดแบบนี้ควรจะต้องเล่นน้อยๆก็เพียงพอ เอาแค่ Test mind ของเราที่มีต่อตลาดขาลง เท่านั้น ไม่ควรคิดจะหอบกำไรมากมายจากสภาพตลาดแบบนี้


ประสบการณ์ที่มีค่า  เราได้กำไรจากตรงนี้ เอาตัวเข้าแลก เจ็บจริง และก็จำได้ดีในท่าเจ็บนี้ 19 20 21 22 Nov 18 เป็น 4 วันที่เรียนรู้และทำความเข้าใจกับตลาด ประสบการณ์ที่เจ็บจรอง เรียนรู้สนามจริง เงินจริง (เยอะด้วย) รู็เลยว่าเราต้องฝึกฝนอีกเยอะมาก สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในตลาดคือ เงินทุน ต้องมี หากไม่มีเงินทุน หรือ ทุนโดนตลาดดูดไปหมด เราก็แพ้ และจะต้องออกจากตลาดไปในที่สุด

:::::::::: Remark ::::::::

เนื้อหาทั้งหมดข้างต้นไม่มีเจตนาชี้นำการลงทุน เป็นการทบทวนเพียงเพื่อให้ได้มีการบันทึกในส่วนของสาระสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและทบทวนการลงทุนและเก็งกำไรในส่วนของตัวเองเท่านั้น













วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

My Loss #1 : Case Study for GL


GL (หุ้นแห่งปี)
- Market : SET
- Industry : Financials
- Sector : Finance & Securities


i) 1st See : เห็นหุ้นตัวนี้มานานแล้วเพราะเป็นหุ้นที่สร้างผลกำไรมโหราฬให้กับนักลงทุนมาตลอด และหุ้นตัวนี้สะดุด ด้วยข่าวสีเทา และเกี่ยวพันกับการทุจริต ซึ่งปลายปี 2559 เค้าเริ่มมีอาการราคาหุ้นทรุดให้ได้เห็นแล้ว

ii) Financial Statement : กำไร 1,000 MB ในปี 2559 เป็นตัวเลขที่เอาออกมาแสดงให้เห็นว่าหุ้นตัวนี้ ยังแกร่ง

iii) Chart pattern : ในวันที่เข้าซื้อนั้น ด้วยความที่เราเป็นต้นทุนลดต่ำลงมามาก จากยอดที่ 69 บาท มารับเอาของที่ 36 บาท ครึ่งต่อครึ่งเลย ไม่มี chart pattern ใดๆให้ได้อ้างอิงเลย

iv) Take action : ในวันที่ตัดสินใจเข้าซื้อนั้นเป็นวันที่ 28.Mar.16 เป็นการรับมีดอย่างแท้ทรูเลย เฝ้าหุ้นตัวนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องฉาว แต่ยังมโนมั่นใจในพื้นฐาน และผลกำไรก็อวดให้เห็นแล้วว่า แข็งแกร่ง
เข้าซื้อที่ 36 บาทด้วยคิดเองว่าหุ้นลงมาต่ำที่สุดแล้วแหละ และแล้วเรื่องของการรับมีด ได้พิสูจน์แล้วว่า มือขาด บรรดาผู้ใหญ่ที่โชกโชนประสบการณ์ก็เตือนแล้วว่า หุ้นเมื่อมันทรุดแล้ว มันต้องมี something แมลงสาบ ไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแน่นอน

v) Wait and See : วันรุ่งขึ้น หุ้นเจอ Floor หนักเข้าไปอีก ออกไม่ได้ ไม่กล้าตัดขาดทุน ด้วยคิดว่าหุ้นจะเด้งในซักวัน ก็ทนดูหุ้นของตัวเอง ติด Floor เช้ายันเย็น

vi) WTF : ด้วยความที่ไม่ตัดขาดทุน หุ้นลงด้วยโมเมนตั้มที่แรงมาก ฉุดไม่อยู่อีกแล้ว การลงจากจุดสูงสุด ถึงพื้นดิน ไร้สลิงช่วย ตกลงมาตายคาที่

vii) Sold : ถือมาเกือบครบ 1 ปี หดหู่ที่สุดและเป็นการซื้อหุ้นสีเทาที่ผิดพลาดที่สุด และที่แย่ที่สุดคือ สภาพจิตใจตลอดการถือ เกือบ 1 ปี ซื้อหุ้นที่ทำ Floor ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ทำได้ยังไง และใช้อะไรคิด ทั้งหมดขาดทุน 86% คืนกำไรที่พยายามทำมาตลอดปี 2015 และ 2016 ให้ตลาดจนหมดสิ้นเพราะหุ้นเพียงตัวเดียว เรียกได้ว่าซื้อที่ราคาสูง และ ขายที่ราคาต่ำที่สุด บ้าไปแล้ว มาจนวันนี้หุ้นยังไม่ดีขึ้นเลย เค้าเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายและก็ไม่รู้จะฟื้นเมื่อไหร่ น่ากลัวกับการรับมีด ผิดพลาดแล้วไม่ยอมตัดขาดทุน ไร้วินัย คิดเอาเองว่าหุ้นจะกลับมาดีในเร็ววัน เถียงตลาด สุดท้ายคายของออก พร้อมเลือดท่วม T__T



:::::::::: Remark ::::::::

เนื้อหาทั้งหมดข้างต้นไม่มีเจตนาชี้นำการลงทุน เป็นการทบทวนเพียงเพื่อให้ได้มีการบันทึกในส่วนของสาระสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและทบทวนการลงทุนและเก็งกำไรในส่วนของตัวเองเท่านั้น







วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

My Win#1 : Case Study for TCC

TCC
- Market : SET
- Industry : Resource
- Sector : Energy & Utilities



i) 1st See : ในวันที่พบหุ้นตัวนี้เกิดจากการสรุปตลาดในทุกๆเย็นที่ทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว หุ้นในกลุ่ม Top gainer จะถูกสแกนดูทุกตัว แม้กระทั่งหุ้นในกลุ่ม Top Active Value, Top Active Volume ทุกตัว จะถูกScan แทบจะทั้งหมด ในกรณี TCC มาเจอตอนสิ้นวันตลาดปิด ในวันที่ 24.Sep.18 ซึ่งในตอนนั้น TCC ได้ทำ ceiling ปิดที่ราคา 0.55 ด้วย Val. 22.3 MB. ซึ่งตลอดทั้งวันนั้นไม่ได้เฝ้าจะก็เลยพลาดความเคลื่อนไหวของ TCC ที่เค้าออกตัวแรงแสดงพละกำลังบางอย่างให้เห็น วันนนั้นพลาดที่จะเข้าซื้อ ไม่เป็นไร เก็บใส่ Watch list ศึกษาต่อ

ii) Financial Statement : เมื่อได้รับความสนใจแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องค้นเพิ่มเติมคือ งบการเงิน ซึ่งเป็นหัวใจหลักๆของการ Confirm ว่าหุ้นดีจริงหรือไม่ ปรากฎว่าหุ้น TCC มีงบการเงินดีเลยทีเดียว งบ Q2/18 พลิกจากขาดทุนเมื่อปี 2560 ( -17.3 MB.) พลิกกลับเป็นกำไร 8 MB. ใน Q2/18 นี้ ซึ่งผ่านเกณฑ์ Minimum factors stock selection มาพร้อมกับ Free Float 70.80% ก็ถือว่าเยอะอยู่ซึ่งก็เป็นสภาพคล่องที่ค่อนข้างเยอะ หาก Free float น้อยกว่านี้หน่อย ซัก 60% จะ OK มากๆ เลย

iii) Chart pattern : การเคลื่อนไหวของ Chart ราคาของ TCC กระตุกขึ้นจากฐานราคาที่น่าเชื่อถือ แท่งแรกวันที่ 24.Sep.18 นั้น เป็นแท่งเขียวยาวที่มี Volume เข้ามามากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี พูดได้ว่าขึ้นมาจากกรอบล่างที่เป็น Flat base เลยทีเดียว นั่นคือมีการทะยอยสะสมหุ้นมาตลอดทั้งปีของ Smart money การยิงแท่งเขียวยาวแบบนี้ครั้งแรกในรอบ1 ปีย่อมต้องมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่และราคาก็ขึ้นไปทำ ceiling ได้สำเร็จ price pattern แบบนี้โดยมากแล้วมักมี Momentum ส่งให้ไปต่อได้อีก แม้ในใจตอนนั้นยังลังเล เรื่อง Volume 22.3 MB. ซึ่งหากเทียบกับหุ้นที่เคยเทรด Volume ก็อาจจะดูน้อยๆไปหน่อย

iv) Take action : ในวันที่ตัดสินใจเข้าซื้อนั้นเป็นวันที่ 25.Sep.18 ซึ่งรอดูราคาหลังจากเปิดตลาดตลอดทั้งวัน การเคลื่อนไหวของราคาน้อยมากแทบไม่กระดิกเลย Volume ก็แสนจะน้อยแต่สิ่งหนึ่งที่ต้อง mark note ไว้เลยคือราคาไม่ลงไปต่ำกว่า 0.52 (ราคา ceiling วันก่อนหน้า) แม้แต่ครั้งเดียว ราคาแกว่งอยู่ด้านบน ซึ่งก็ทำให้เราแอบมั่นใจได้ว่า1.คนที่ซื้อขายกันไปเมื่อวานไม่มีใครอยากขายหุ้นตัวนี้เลยในวันนี้2.ยังไม่มีใครให้ความสำคัญกับหุ้นตัวนี้ทั้งที่เค้าแสดงตัวเองออกมาจากฐานแล้วว่าเค้าพร้อมแล้วกับการขึ้นรอบใหม่ในเมื่อราคาแสดงความแข็งแกร่งแบบนี้ ก็เห็นเป็นเหตุสมควรที่จะเข้าซื้อและได้ไม้แรกมาที่ราคา 0.53 ที่สิ้นวัน ATC (at time close) ซึ่งเป็นการซื้อที่ไม่เคยทำมาก่อนคือ ซื่อสิ้นวันที่แท่งแดง (ราคาเปิดสูงปิดต่ำ) แต่ด้วยการทบทวนแล้วศึกษางบแล้ว ศึกษาแนวธุรกิจแล้ว พร้อมกับเทรนของหุ้นใน Sector : Energy & Utilities ก็ยังเป็นเทรนที่ดีอยู่ จึงเป็นเหตุให้ซื้อ TCC ไม้ที่ 1

v) Wait and See : หลังจากเข้าซื้อแล้ว ปรากฎว่าราคาเคลื่อนตัวออกด้านข้าง 5 วันและแท่งราคาปิดใกล้เคียงกันมาก และ Volume ก็แห้งมากด้วย ซึ่งดูเหมือนเป็นการสะสมและเปลี่ยนมือผู้เล่นที่เป็นไปอย่างเงียบๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ในวันถัดมา 3.Oct.18 แท่งราคาเขียวยาวก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลจากการสะสมหุ้นช่วงก่อนหน้า และวันนี้ดูเหมือนผู้คนกำลังชายตามอง แต่ก็ยังคงไม่มีการ Action เกิดขึ้นมากเท่าที่ควร


vi) Take action : การเข้าซื้อเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะด้วยเหตุผลที่ซื้อเพิ่มคือ ได้ของตอนที่ต้นทุนต่ำ และจังหวะแท่งเขียวยาวที่ 2 นี้เองเป็นการ Confirm ขาขึ้นแน่ๆ จึงเป็นเหตุให้เข้าซื้อครั้งที่ 2 ด้วยเงิน 1/3 ของเงินก้อนแรกที่เข้าซื้อ เพื่อให้ค่าเฉลี่ยต้นทุนยังคงต่ำอยู่นั่นเอง (เป็นเทคนิคการซื้อเพิ่มแบบปิรามิดของ William O’neil) อยู่เฝ้า TCC จนจบวันสุดท้ายได้ของมาเพิ่มในราคา 0.55 ที่ ATC ของวันที่ 03.Oct.18

vii) Sold : ตอนซื้อนั้นจินตนาการว่าหุ้นต้องขึ้นไปได้อีก เพราะซักพักนึงผู้คนจะเริ่มให้ความสนใจเพราะ TCC ติดสแกนหุ้น Top gainer 2-3 ครั้งแล้วตั้งแต่เข้าซื้อไม้แรก โดยที่อาจจะลืมข้อเท็จจริงที่ว่า หุ้นเมื่อขึ้นต้องมีการพักตัว นั่นคือเมื่อมีกำไรแล้ว ผู้คนส่วนหนึ่ง (นักลงทุนระยะสั้นมาก) ก็ต้องขายออกเพื่อเก็บกำไรออกไป และในวันนี้เองที่ต้องขายออกเพราะราคาของ TCC นั้นย่อลงมาแรงจนเกือบจะถึงทุน หลักการคือ “อย่ายอมให้หุ้นที่เคยได้กำไร กลายเป็นขาดทุนเด็ดขาด” จึงเป็นเหตุให้ต้องขาย TCC ออกหมด Port เพื่อเก็บกำไรออกไปก่อนเพราะดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจ ก็ต้อง Safe ตัวเองก่อนไม่ให้เกิดการขาดทุน แต่ตามหลักที่ถูกต้องแล้วนั้น ควรจะต้องขายหุ้นออก 50% ก่อนครั้งแรก เพื่อเป็นการให้โอกาสกับหุ้น ได้พักตัวและเพื่อให้หุ้นได้พิสูจน์ตัวเองก่อน แต่กรณีนี้ขายออกจนหมด อาจะเป็นเพราะ อาการเจ๊กตื่นไฟ ซึ่งก็ไม่ผิดหากขายแล้วได้กำไร เพียงแต่ เราจะไม่มีหุ้นดีๆแบบนี้ในมืออีกแล้ว

viii) Take action (again) : การเข้าซื้อเกิดขึ้นอีกครั้งที่ ATC ของวันที่ 9.Oct.18 ด้วยต้นทุน 0.66 หลังจากพักตัว 2 วัน การเข้าซื้อครั้งนี้เพราะเห็นว่าหุ้นแสดงอาการแข็งแกร่งอีกแล้ว อีกอย่างคือที่ต้องกลับมาซื้ออีกเพราะ หุ้นตัวนี้ทบทวนมาดีแล้ว เสียดายหากไม่มีหุ้นดีๆแบบนี้ติด Port ยอมที่จะซื้อในราคาต้นทุนที่แพงขึ้นแต่หุ้นดีราคาย่อมแพงอยู่แล้ว และผู้ถือหุ้นก็เอาไปขายในราคาที่แพงกว่า ที่เป็น hi-light ของ TCC ก็คือ ในวันที่ 11.Oct.18 เกิดเหตุการณ์หุ้นตกทั้งโลก ทั่วภูมิภาค ตลาดดาวโจนส์ลบกว่า 800 จุด และตลาด เอเชียลบ 2-6% รวมทั้ง SET ที่-4% ในวัที่ 11.Oct.18 แต่ TCC ยืนแข็งอยู่ได้อย่างไม่สะทกสะท้านใดๆเลย เป็นการพิสูจน์แล้วว่าหุ้นดีจริง และกำลังอยู่ในช่วง Mark up phase พร้อมไปต่อ และที่สำคัญ Volume เริ่มมีเข้ามาต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่า หุ้น TCC ได้รับความสนใจมากขึ้นแล้วจากนักลงทุนและนักเก็งกำไร เมื่อ Volume เริ่มมีเข้ามา (ซึ่งก็ช้ากว่าเราเพราะเราเห็น 1st see ตัวนี้ก่อนหน้าเป็น2 week แล้ว นี่คือข้อดีของการทำดารบ้านคัดหุ้นทุกวัน) ก็เปรียบเหมือนเชื้อเพลิงที่บรรจุยานแม่พร้อมไปไกลและไปด้วยโมเมนตั้ม วันนี้ก็ยังคงถือต่อ และจะถือจนกว่าจะมีสัญญาณขาย หรือ หลุดเทรนขาขึ้น ทั้งนี้ต้องดูสภาพรวมของตลาดอ้างอิงด้วย เมื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไหมตัวทันท่วงที



:::::::::: Remark ::::::::
เนื้อหาทั้งหมดข้างต้นไม่มีเจตนาชี้นำการลงทุน เป็นการทบทวนเพียงเพื่อให้ได้มีการบันทึกในส่วนของสาระสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและทบทวนการลงทุนและเก็งกำไรในส่วนของตัวเองเท่านั้น



[ b i g 7 s h o t s i n 3 y e a r s ] http://lnnk.in/iWX ตั้งแต่ปี  2016  เรามีโอกาสทำเงินได้กี่ครั้ง สำหรับแอดมินมองว่ามี...