วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2561

My Loss #3 : Case Study for TASCO

TASCO
- Market : SET
- Industry : Property & Construction
- Sector : Construction Materials


i) 1st See : 43.30 คือต้นทุนของเราในหุ้นตัวนี้ การเห็นหุ้นตัวนี้ครั้งแรกนั้น เป็นผลพวงมาจากการสัมมนาครั้งแรกของเราเช่นกัน การสัมมนาเรื่องหุ้นครั้งแรกในชีวิตจบไปหมาดๆ แล้วพวกเค้าได้พูดถึงหุ้นตัวนี้ตลอดทั้งวัน TASCO เป็นหุ้นที่ให้กำไรกับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล เรื่องนี้ฝังอยู่ในหัวมาโดยตลอด แม้สัมมนาจะพูดถึงทฤษฎี Wyckoff ย้ำๆก็ตามที การจะซื้อหุ้นตัวนี้เราให้อะไรคิด! บอกเลยว่า ใช้จินตนาการล้วนๆ ทั้งที่ไม่ควรจะซื้อเป็นอย่างยิ่ง 43.30 ขาดอีก 2 สตางค์ จะเป็นราคาที่ TASCO ไปได้สูงที่สุดในชีวิตวัน และเราก็ซื้อมาในราคาเกือบที่ชีวิตมันเคยได้มาถึง
 
ii) Financial Statement : ตอนที่เข้าซื้อ ไม่ได้ดูเรื่องงบการเงินเลย เข้าซื้อแบบอิงความอยากลอง อยากซื้อ อยากพิสูจน์ ล้วนๆ ว่า อี Wyckoff เนี่ย มันจะจริงรึ? 4 state ที่ว่า Accumulation > Mark up > Distribution > Mark Down งบการเงินที่สัมมนาไม่ได้สอน ตอนแค่การปรับ Mind set ในการเก็งกำไร เท่านั้นเอง บอกเลยว่าจากวันนั้น มาวันนี้ กระบวนการคิด การเก็งกำไร เปลี่ยนไปมาก ปรับปรุงเทคนิคการเข้าซื้อมาโดยตลอด แต่ก็ เจ็บสาหัสมาตลอดทางเหมือนกัน เงินแลกประสบการณ์ ยอมไหม ...ยอม ซิ (ซื้อหุ้นไม่ดูงบการเงิน ถือว่าผิด)

iii) Take action I : การซื้อเกิดขึ้นหลังจากจบสัมมนาได้ไม่นานนัก TASCO เป็นหุ้นที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาหลายคนได้กำไร 100% ขึ้นไป และ TASCO เป็นหุ้นที่ทำกำไรเป็นเด้งได้ทั้งที่ SET เป็นขาลง!! งง ซิ คราวนี้ถึงตาเรามั่งแล้ว เราจะซื้อบ้าง ตัดสินใจซื้อด้วยเหตุผล 2 อย่าง คือ1. พิสูจน์ Wyckoff 2. อยากได้กำไรเหมือนคนอื่นๆเค้าบ้าง แต่หารู้ไม่ว่าบนดอย หนาวมากเลยย ความคาดหวังเป็นอย่างเดียว กำไรจาก TASCO!! เข้าซื้อ /8.Oct.15 ทุน 43.30B. ยอดตึกใบหยกยังเตี้ยกว่ายอดนี้

iv) Wait and See I : เวรกำวันรุ่งขึ้น ถึงกับยืนงงในดงตีน เกิดอะไรขึ้นกับ TASCO ของเราหุ้นโดนเทจากผู้ถือหุ้น (ทำไมต้องเป็นวันนี้) มีแท่งแดงยาวเกิดขึ้นเป็นแท่งแรกที่ส่งสัญญาณการเกิด ฏรstribution 8nv การกระจายุ้นจากรายใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว และแท่งเทียนแท่งนี้ ลากฝูงหมีมาด้วย เวรกำ กรูไม่เคยรู้ว่าจะโดนเทขนาดนี้ งง และ งง มือใหม่ ชีวิตแทบคลั่ง ทำกันได้ลงคอ วันนั้นที่เกิดแท่งแดง ยังคงไม่กล้าขาย (ตอนนั้นไม่มีแผนห่าอะไรเลย ว่าจะต้อง Cut loss เท่าไหร่ เมื่อไหร่ ถือหุ้นกระเตงๆ หวังแต่กำไร ไม่อยากขาดทุน ก็เลยไม่ขาย)

v) Stop lost I : มาขายหมด ทนถือไม่ได้ตอน 30.Oct.15 เจ็บปวดที่สุด รู้สึกตัวจะชาชาและเราขายช้าเกินไป ตรงนี้ทำให้เข้าใจและสัมผัสได้ถึงการแจกจ่ายของหรือการกระจายหุ้น Distribution ได้อย่างชัดเจนที่สุด การกระจายหุ้นมีอยู่จริง รายใหญ่ส่งมอบของให้รายย่อยนั้นมีอยู่จริง การรับซื้อหุ้นก็เหมือนการรับซื้อในราคาประมูล หากคนเคาะได้มาที่ราคาสูง หากขายที่ราคาสูงกว่าไม่ได้ คนคนนั้นต้องยอมขายในที่ราคาต่ำกว่าทุน จึงจะขายออก สรุปคือขาดทุนไม้แรกหลักแสน เท่านั้นไม่พอ

vi) Take action II : Wyckoff
บอกว่าเมื่อราคาผ่ากระบวนการ Distribution แล้วจะเข้าสู่ Phase mark down ซึ่งจะกินเวลานานแค่ไหนไม่มีใครรู้ ดังที่มีคำพูดที่ว่าหุ้นจะขึ้นไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะลง และหุ้นจะลงไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะขึ้น Phase นี้มั่นใจว่าหุ้น Tasco ราคาหยุดลงแล้ว เพราะเค้าเคลื่อนตัว Sideway เป็นระยะเวลา 4 เดือน และมีราคากระตุกจะ Break กรอบนี้ และเบรคได้จริงมาพร้อมกับ Volue ที่สูงมาก มั่นใจว่าเป็นการสร้าง mArk up รอบใหม่แน่ๆ เข้าซื้อที่ 28.55 บาท วันที่ 21.Jun.16 ขอแก้มือ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้เลย ราคาหุ้น TASCO กระตุกขึ้นเพื่อลงต่อ ทั้งที่ SET ขึ้นมาจากฐานราคาที่น่าเชื่อถือ แล้ว 8% ( SET ยืนยันเป็นขาขึ้นรอบใหม่เมื่อวันที่ 29.Jan.16)

vii) Wait and see II :
มหากาพย์ TASCO ยังมีต่อ และราคาของเค้าโค้งตัวลงไปทำ new low และที่ new low ตรงนี้เองเป็นสัญญาณว่า TASCO อ่อนแอเกินไปแล้ว เหมือนที่ Wyckoff บอกไว้ว่าหุ้นทำ new low แสดงว่ายังไม่หมดระยะ  Mark down ในที่สุดตัดขาดทุนครั้งที่ #2

viii) Stop loss II :
ขายหมดเกลี้ยงตอนที่ 9.Aug.16 การตัดขาดทุนครั้งนี้เร็วกว่าครั้งแรก ไหมตัวทันแต่สุดท้ายก็คือขาดทุนโดนอีกหลายหมื่นที่ต้องสังเวยให้ตลาด ได้เห็นว่า TASCO ยังขายไม่หมด หรือยังไม่หยุดขายนั่นเอง Supply ยังไม่หมดจากตลาด ยังคงขนหุ้นมาทุ่มใส่ หุ้นรูดลงไปต่ำที่ 16ใจ บาท.ในวันที่ 13.Oct.16 และ 13.10 วันที่ 6.Jul.18 ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ของจริง นึกสภาพไม่ออกหากยังไม่ขายขาดทุนออกมาในวันนั้น ทุน 28 บาทนั่งมองราคาลงมาที่ 13.10 บาท - เกิน 50% นักเก็งกำไรมันจะทรมาณขนาดไหน ไม่มีความสุขแน่ๆ แต่หากเป็น VI เค้าอาจจะไม่สนเรื่องนี้เท่าไหร่ (มั้งนะ)

ix) Sold : การขายทั้งสองครั้งขาดทุนหนัก เรียกว่าหนักที่สุดไหม ก็หนักเอาการ ขาดทุนเยอะเป็นอันดับสองรองจาก GL ถึงได้รู้แจ้งสัจธรรรมว่าซื้อหุ้นขาลงมีแต่เสียกับเสีย อย่าซื้อหุ้นในช่วง Mark down แม้ SET จะเป็น State mark up ก็ตามที เราได้รู้อะไรจาก case ย่อยยับ case นี้
1) อารมณ์ : โลภเข้าครอบงำ อยากได้เงิน 100% เหมือนคนอื่นๆเค้าบ้าง แต่ไม่ได้ดูกราฟเลยว่าหุ้นขึ้นไปจนถึงจุดกระจายหุ้นแล้ว ยังมีหน้าจะซื้อแล้วนอนฝันจะเอากำไร 100% เพ้อแบบโง่ๆ ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมหรือมีน้ำหนักมากกว่าเหตุผล ก็จะพบจุดจบที่ย่ำแย่

2) อยากเอาคืน : อันนี้เหมือนรบแพ้แล้วขาขาด ก็ยังจะหิ้วขาอีกข้างนึงที่เหลือออกรบอีกด้วยอาการแค้นสุมทรวง สุดท้ายก็ตายสมใจอยาก อย่าทำแบบนี้เพราะตลาดเค้าไม่สนว่าคุณเป็นใคร เจ็บอะไรมา จะมาล้างแค้นกันก็ช่างหัวเมิง SET รู้แค่เป็นพื้นที่แสดงภาวะของ Demand supply เท่านั้น คนคิดแค้นไม่เป็นกลาง คนที่มีทัศนคติเชิงลบกับตลาด จะพังพินาศในที่สุด 

3) ไม่มีแผน Stop loss ที่ชัดเจน : ปล่อยให้ราคารูดลงจนเห็นตัวเลขแดงโร่ค่อยสำนึกว่าจะต้องขายเอาเงินส่วนใหญ่ออกมาแล้ว ซึ่งผิดนะ นักเก็งกำไรที่ดี ต้องทำตามแผน Stop loss โดยอ้างอิง SET ด้วยเป็นหลัก SET SIDEWAY หรือ Down trend SL ต้องสั้นกระชับ SET ขาขึ้น SL ยาวหน่อยเพื่อปล่อยให้กำไรได้ run 

4) Bias กับ Wyckoff theory : กราฟ Wyckoff นี้คือของจริง วันที่ซื้อหุ้นทั้ง2 ครั้งนั้นเป็นวันที่ซื้อหุ้น TASCO ในราคาสูงทั้งสองครั้ง แต่ซื้อในตอนที่ TASCO เค้าเลิกเล่นกันแล้ว Mark down คือหายนะ อย่าริเล่นหุ้นหรือเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้เด็ดขาด นอกจากจะตายแล้ว ศพ ยังไม่เหลือเศษเนื้อให้หนอนแทะ

5) สัญญาณ Fault break มีจริง : ไม่เคยได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Fault break ละเลยและไม่เข้าใจ หุ้นที่ยังขายไม่สะเด็ดน้ำจะเกิด Fault break เสมอ การเข้าซื้อหุ้นที่ราคาคิดเอาเองว่าต่ำแล้ว โดยมากมักจะได้ขายที่ราคาต่ำกว่าเสมอ ระวังเอาไว้ให้ดีเถอะนะ เรื่องของการซื้อของราคาถูก ของถูกแล้วดี ไม่มีอยู่จริง มีแต่ของแพงแล้วดี อันนี้มีจริง น้ำหอมCCเกรดต่ำราคาถูกก็จริง แต่คุณภาพมันไม่ได้ ส่วนน้ำหอมBrand name เกรดนำเข้าอันนั้นของดีราคาแพง ใช้แล้วหอมฟุ้งทั้งวัน มันต่างกันนะ หุ้นก็เหมือนกัน ของถูกให้ระวัง หุ้นราคาตก มันต้องมี Something ที่ไม่ชอบมาพากล 



เมื่อได้ทบทวนกระบวนการคิดและการ Action ในหุ้นที่สร้างความเสียหายให้ Port นั้นเราได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกมากมายในวันนี้ ประสบการณ์ที่แลกมาด้วยเงินแสนกว่าปลายๆนั้น มีค่าเป็นการซื้อ level ที่ราคาแพงมากครั้งหนึ่งของเรา ทุกกระบวนการคิด การทำงาน การทำการบ้าน ตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องอยู่ภายใต้เหตุผลที่ตลาดได้เฉลยเอาไว้แล้วทุกครั้งทุกวันที่ตลาดปิด เค้าให้ความจริง FACT ที่สุดแล้วบนกระดานนั่น เอาข้อมูลตรงนั้นมาคิดต่อ เพื่อให้ได้สบโอกาส จังหวะ ในการเข้าซื้อที่ดี มีความเสี่ยงน้อยที่สุด อย่าได้เอาเงินที่เราหามาอย่างยากลำบากไปแจกจ่ายให้มหาชนในตลาดอีก จำไว้เลย 

:::::::::: Remark ::::::::


เนื้อหาทั้งหมดข้างต้นไม่มีเจตนาชี้นำการลงทุน เป็นการทบทวนเพียงเพื่อให้ได้มีการบันทึกในส่วนของสาระสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและทบทวนการลงทุนและเก็งกำไรในส่วนของตัวเองเท่านั้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

[ b i g 7 s h o t s i n 3 y e a r s ] http://lnnk.in/iWX ตั้งแต่ปี  2016  เรามีโอกาสทำเงินได้กี่ครั้ง สำหรับแอดมินมองว่ามี...